เงินก็มีน้อย ยังจะมาดูดไปอีกกก! ก่อนจะตกเป็นเหยื่อ เราต้องป้องกันเงินของเราด้วยการทำตาม 7 วิธีป้องกันการถูกมิจฉาชีพดูดเงินตามนี้ด่ววนนนๆ!!!!!

.

1. ไม่โหลดแอปฯ นอกสโตร์ ไม่คลิกลิงก์ที่ไม่รู้แหล่งที่มา

.

            ให้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นจาก Play Store หรือ App Store เท่านั้น อย่าลืมเช็กดีเทลอย่างชื่อผู้พัฒนาแอปฯ ยอดดาวน์โหลดกับรีวิวต่างๆ ห้ามดาวน์โหลดโปรแกรมจากลิงก์หรือเว็บไซด์ที่ไม่มีการรับรองความปลอดภัย วิธีสังเกตคือ ถ้าเห็นมี “.APK” อยู่ในชื่อที่จะติดตั้ง อย่ากดเด็ดขาด

.

2. ระวังข้อมูลสำคัญ และคำต้องห้าม

.

            ถ้ามีการถามหรือให้กรอกข้อมูลที่สำคัญอย่างหมายเลขบัตรประชาชน, ข้อมูลเลขด้านหน้าบัตร, รหัส 3 ตัวหลังบัตร (CVV) หรือวันเดือนปีเกิด ก็ต้องเอ๊ะ แล้วเช็กดูให้ดีๆ ก่อน หรือถ้าเกิดต้องติดตั้งแอปฯ แล้วเจอคำว่า “Remote Access”, “Screen Overlay” หรือ “Accessibility” ให้หยุด เพราะคำพวกนี้หมายถึงเรายอมให้คนนอกเข้าถึงเครื่องได้ ดูหน้าจอเราได้ และควบคุมเครื่องเราได้ค่ะ

.

3. อัปเดตระบบเสมอ

.

            เราต้องอัปเดตแอปฯ ธนาคารและระบบปฏิบัติการให้เป็นเวอร์ชั่นล่าสุดเสมอ จะทำให้ปลอดภัยขึ้นระดับหนึ่ง เพราะธนาคารและบริษัทผลิตสมาร์ตโฟนก็คอยทำระบบเพื่อปิดช่องโหว่การโดนเจาะเข้าเครื่องเสมออยู่แล้ว เช่น ถ้าระบบเจอว่าเครื่องมีการเปิดสิทธิ์แปลกๆ แอปฯ จะไม่ยอมเปิดขึ้นมาทำงาน หรือหน้าที่ต้องกรอกเลขบัญชี ระบบจะป้องกันให้ไม่สามารถบันทึกออกไปได้ ทำให้เวลามิจฉาชีพรีโมตเข้ามาก็จะไม่เห็นภาพค่ะ

.

4. ไม่ใช้ Wi-Fi สาธารณะ

.

            เลี่ยงการใช้ Wi-Fi สาธารณะ โดยเฉพาะตอนเข้าเว็บไซต์ที่ต้องกรอกข้อมูลส่วนตัว  เพราะเราอาจโดนดักจับข้อมูลต่างๆ ตอนเชื่อมต่อสัญญาณอยู่ได้

.

5. เช็กเครื่องเสมอ

.

วิธีตรวจสอบว่ามือถือถูกแฮ็กแล้วหรือยัง สำหรับระบบ Android

  1. ไปที่ตั้งค่า
  2. เลื่อนลงมาหาเมนูแอปฯ
  3. กดที่จุด 3 จุด มุมขวาบนหน้าจอ
  4. กดที่ การเข้าถึงพิเศษ

วิธีตรวจสอบว่ามือถือถูกแฮ็กแล้วหรือยัง สำหรับระบบ iOS

  1. ไปที่ตั้งค่า > แบตเตอรี่ เพื่อตรวจสอบดูว่ามีแอปฯ ไหนใช้งานมากเกินความเป็นจริงบ้าง
  2. ตรวจสอบแอปฯ ทั้งหมดในตัวเครื่อง ว่ามีแอปฯ แปลก ๆ ปะปนมาแบบไม่รู้ตัวหรือไม่

วิธีเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งาน Safari

  1. ไปที่ตั้งค่า > Safari
  2. เลือกเปิดใช้งานฟังก์ชัน คำเตือนเว็บไซต์หลอกลวง

.

6. ใช้สายชาร์จมือถือของตัวเอง

.

            คือถ้าไม่ฉุกเฉินจริงๆ ให้ใช้สายชาร์จของตัวเองเท่านั้น เพราะเดี๋ยวนี้มันมีสายชาร์จโทรศัพท์ที่ฝังตัวส่งสัญญาณไร้สาย Access Point เอาไว้ด้วยค่า แค่เราเสียบสายชาร์จเข้ามือถือ แล้วพิมพ์รหัสผ่านหรือข้อมูลต่างๆ ข้อมูลเหล่านี้ก็จะถูกส่งไปให้มิจฉาชีพได้เลย ยิ่งจุดชาร์จมือถือในที่สาธารณะ ไม่ใช้ได้ก็จะดีมาก

.

7. ไม่ใช้รหัสเดียวกันทุกแอปฯ

.

            ถ้าเรามีแอปฯ ธนาคารหลายที่ อย่าใช้รหัสเดียวกันในการทำธุรกรรมหรือเข้าแอปฯ และไม่ใช้ข้อมูลส่วนตัวที่เดาได้ เช่น วันเกิด เบอร์โทรศัพท์ ฯลฯ มาตั้งเป็นรหัสเด็ดขาด เพราะมันเดาง่าย ยิ่งถ้ามิจฉาชีพมีข้อมูลพื้นฐานของเราอยู่แล้ว เสี่ยงเงินหมดบัญชีสูงมาก

.

.

อ้างอิงภาพจาก : Pinterest

แชร์