การฟังสัมภาษณ์ไอดอลเกาหลี คือสิ่งที่แฟน ๆ ชอบมากที่สุด เพราะจะทำให้ได้รู้จักศิลปินมากยิ่งขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม การสัมภาษณ์ก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องที่รับมือได้ง่ายและราบรื่นได้ทุกครั้ง จึงทำให้มีโมเมนต์หลุด ๆ หรือกระอักกระอ่วนใจออกมา สร้างความฮาและเอ็นดูให้แก่เหล่าแฟน ๆ แต่สำหรับไอดอลแล้ว นี่อาจจะเป็นโมเมนต์ที่พวกเขาอยากลืมไปเลยก็เป็นได้! จะมีโมเมนต์อะไรบ้างนั้น ไปดูกันเลยจ้า
.
1. NCT 127 ถูกถามเรื่องพาคู่เดตไปงานรับรางวัล
คำถามที่คนอยากรู้มากที่สุดเกี่ยวกับไอดอลเกาหลี คงหนีไม่พ้นเรื่องความรัก แต่คำถามเหล่านี้ก็ถือเป็นหนึ่งในคำถามต้องห้ามแห่งวงการบันเทิงเลยก็ว่าได้ เพราะจะมีผลต่อความนิยม และอาจเป็นประเด็นหนักได้เช่นกัน ดังนั้นส่วนใหญ่แล้วจะไม่ค่อยถามกัน แต่ว่าถ้าโดนถาม เหล่าศิลปินไอดอลก็จะพูดถึงแฟน ๆ ของตัวเองแทน
แต่ในบางครั้งเวลาโดนถามอะไรเยอะ ๆ ในระหว่างสัมภาษณ์ ไอดอลเองก็อาจจะมีอาการเบลอและรับมือไม่ทันได้เหมือนกัน ซึ่งเหตุการณ์นี้เองก็เคยเกิดขึ้นกับ NCT 127 ในระหว่างการสัมภาษณ์ งาน AMA โดยหลังจากให้สัมภาษณ์สำนักข่าวหลายที่แล้ว ก็มาถึงช่อง ET ซึ่ง MC ก็ถามคำถามตามปกติทั่วไป จนมาถึงคำถามที่ว่า สมาชิก NCT 127 ได้พาคู่เดตมางานพรมแดงด้วยมั้ย พอถามจบ ก็อาจจะด้วยสัญชาตญาณหรือตามความชินหลังจากให้สัมภาษณ์มาเยอะ ทำให้แทยงในฐานะลีดเดอร์ตอบไปอย่างรวดเร็วว่า “Yeah” ซึ่งถือเป็นการตอบรับว่า “ใช่”
ต้องขอบคุณไหวพริบของแจฮยอนที่กลัวว่าคนจะเข้าใจผิด จึงรีบแก้ให้ว่า “พวกเรามี NCTzens รอเราอยู่แล้ว แฟน ๆ ครับ เรารักคุณนะ” จากนั้นสมาชิกคนอื่น ๆ ก็ตอบตามกันไปว่า “Yeah” นับว่าจบได้สวยไปในพริบตา แต่ก็กลายเป็นโมเมนต์ฮา ๆ และน่าเอ็นดูของแทยงไปโดยปริยายจ้า
.
2. พิธีกรชมมาร์ค NCT ว่าพูดอังกฤษเก่ง หลังบอกว่ามาจากแคนาดา
เป็นที่เห็นได้ชัดว่าผู้สัมภาษณ์ส่วนใหญ่อาจจะยังไม่รู้ว่า ไอดอลเกาหลีบางคนอาจจะไม่ใช่ชาวเกาหลี ทำให้พวกเขาอาจจะดูตื่นเต้นกันไปบ้าง เวลาที่ได้เจอไอดอลเกาหลีที่พูดอังกฤษได้ปร๋อ และอาจจะพูดอะไรแปลก ๆ ออกมา
อย่างในตอนที่ NCT127 ไปโปรโมตที่ยุโรป ในรายการช่องหนึ่ง แล้วพิธีกรก็ยังอุตส่าห์ชมสกิลภาษาอังกฤษของมาก ทั้งที่เขาเพิ่งจะบอกไปหยก ๆ ว่ามาจากแคนาดา ซึ่งทุกคนอาจจะเห็นได้เลยว่ามาร์คแอบมีสีหน้างง ๆ บอกไม่ถูก หลังได้รับ “คำชม” นั้น เพราะมันคงไม่ต่างอะไรกับการที่ชมคนฝรั่งเศสว่า พูดฝรั่งเศสเก่งจังเลยหรอกจริงมั้ย ยังไงก็เถอะ เหตุการณ์นี้ก็นับเป็นหนึ่งในสถานการณ์ที่ดูแล้วกระอักกระอ่วนเป็นอย่างมากเลยทีเดียว
3. โมเมนต์ที่พิธีกรถาม Twice เป็นภาษาอังกฤษ
ตรงข้ามกับกรณีก่อนหน้านี้ เพราะบางครั้งพิธีกรก็อาจจะคิดเหมาไปเองโดยอัตโนมัติว่า ศิลปินไอดอลจะต้องพูดอังกฤษได้ หรืออย่างน้อยในบรรดาสมาชิก จะต้องมีคนที่สามารถพูดอังกฤษได้บ้างล่ะนะ
ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ไม่ใช่ว่าไอดอลทุกคนจะสามารถพูดอังกฤษได้คล่องเหมือนมาร์ค, จอห์นนี NCT หรือ มาร์ค Got7 ที่อาศัยอยู่ต่างประเทศตั้งแต่เด็ก ๆ ดังนั้นไอดอลเกาหลีส่วนใหญ่จึงใช่ว่าจะเข้าใจคำถามภาษาอังกฤษเสมอไป อย่างเช่นในกรณีนี้ที่งาน Kcon 2018 ซึ่งเมื่อ Twice ขึ้นเวที พิธีกรก็มีการแนะนำและชวนพูดคุยกันตามปกติเป็นภาษาเกาหลี และแล้วพอพิธีกรให้สาว ๆพูดถึงเครื่องแต่งกายของตัวเองในวันนี้ โดยพูดเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งแน่นอนว่าเธอคงจะคิดว่าคงจะมีใครสักคนเข้าใจที่เธอถามแน่นอน
แต่ปรากฏว่าพอเธอถามเสร็จ ก็ไม่มีสมาชิกคนใดตอบกลับมา พอถามย้ำรอบที่ 2 เธอก็รู้ตัวทันทีว่าไม่มีใครเข้าใจที่เธอพูด จึงกลับไปถามเป็นภาษาเกาหลีใหม่อีกครั้ง ซึ่งแม้จะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรมาก แต่ก็เป็นโมเมนต์ที่กระอักกระอ่วนเหลือหลายเหลือเกิน เห็นแล้วก็ได้แต่คิดว่า ทำไมบริษัทไม่ส่งล่ามไปช่วยเซฟสาว ๆ กันหน่อยละเนี่ย
4. Rap Monster ใช่ชื่อที่แม่ตั้งให้รึเปล่า?
ไอดอลเกาหลีส่วนใหญ่มักจะมี Stage name หรือชื่อในวงการที่เหมาะกับภาพลักษณ์ของตัวเอง โดยเฉพาะไอดอลที่อยู่ในวงที่มีสมาชิกหลายคน ซึ่งในเรื่องนี้จะค่อนข้างต่างจากศิลปินแถบอเมริกาที่แฟน ๆ ก็มักจะรู้ชื่อจริง ๆ ของพวกเขากันเป็นเรื่องปกติ
อย่างไรก็ตาม ด้วยชื่อในวงการเหล่านี้ บางครั้งก็อาจทำให้ไอดอลต้องเจอกับสถานการณ์อึดอัดใจได้เช่นกัน
อย่างในครั้งหนึ่ง RM เองก็เคยต้องเจอกับสถานการณ์น่าเคอะเขินอยู่เหมือนกัน เมื่อพิธีกรเคยถามเขาในระหว่างการสัมภาษณ์อยู่ครั้งหนึ่งว่า “Rap Monster นี่ใช่ชื่อที่แม่ตั้งให้มั้ย?” ซึ่งหลังได้ยินคำถามนี้ RM ก็ผงะไปนิดหน่อย ก่อนจะตอบสั้น ๆ ง่าย ๆ ว่า “ไม่ใช่”
ซึ่งในตอนที่ถามนั้น RM ก็คงจะไม่คิดอะไร ถ้าไม่ใช่ว่าพิธีกรดูท่าจะถามจากใจจริง ไม่ใช่แค่ขำ ๆ จึงสร้างความสับสนให้ RM ไปชั่วขณะหนึ่งเลยทีเดียว ก็แหงล่ะ ถ้าคุณแม่ตั้งชื่อลูกให้ว่า “มอนสเตอร์นักแร็ป” ตั้งแต่เกิดนี่ คงจะเป็นอะไรที่น่าคิดสุด ๆ เลยทีเดียว
โชคดีนะว่า สุดท้ายแล้วทั้ง 2 ฝ่าย ต่างก็ทำเป็นไม่สนใจกับประเด็นนี้ เพื่อให้การสัมภาษณ์ดำเนินต่อไปได้โดยปกติ ถ้ายาวกว่านี้ต้องมีใครสักคนขำออกมาก่อนแหง ๆ เลยนะ ว่ามั้ย?
5. BTS ถูกเล่นงานด้วยคำถามตรงจุด ใน Ellen Show
ในการสัมภาษณ์ทุกครั้ง มักจะมีคำถามแปลก ๆ โผล่มาอยู่เสมอ อาจจะด้วยเพราะว่า เราคงอยากจะเห็นเหล่าศิลปินโชว์ตัวตนในด้านงก ๆ เงิ่น ๆ ออกมา เพื่อพิสูจน์ว่าไอดอลเองก็ยังคงมีมุมเหล่านี้เหมือนคนธรรมดาทั่วไป ซึ่งยิ่งช่วยทำให้ศิลปินดูมีเสน่ห์และน่าเอ็นดูมากยิ่งขึ้นไปอีก
แน่นอนว่า คำถามที่มักจะมาบ่อยที่สุด ก็คือคำถามเกี่ยวกับชีวิตรัก ๆ ใคร ๆ ของพวกเขา ซึ่งในรายการ Ellen Show ครั้งหนึ่ง ก็เคยถามคำถามที่ทำเอาหนุ่ม ๆ BTS ไปไม่ถูกสุด ๆ กันเลยทีเดียว
ซึ่งตอนนั้นสิ่งที่เธอถามก็คือ BTS เคยมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับอาร์มีมั้ย หรือเคยนอนกับอาร์มีบ้างมั้ยนั่นเอง (โอ้ มาย ก็อดดดด)
พอจบคำถามนี้ RM ถึงกับหลุดขำออกมาทันที แถมยังถึงกับลืมแปลให้เพื่อน ๆ ในวงฟังอีกต่างหาก ซึ่งเขาเองก็พยายามจะทำให้คำถามนี้ดูดีขึ้นโดยเบี่ยงไปว่า “เราก็กำลังทำอยู่นี่ไง” เพราะคำถามภาษาอังกฤษมีคำว่า Hook Up ซึ่งเป็นความหมายสองแง่สามง่าม แปลได้ทั้งการทำความรู้จักคนที่เราสนใจ และอีกความหมายก็คือการมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกัน แต่ Ellen ก็ขยี้เก่งเหลือเกิน เธอถึงกับดักโดยการบอกว่า “แหม คุณรู้ว่าฉันหมายถึงอะไร” และบังคับให้สมาชิกตอบ หนำซ้ำยังย้ำกับล่ามว่า ให้อธิบายไปด้วยว่า Hook Up แปลว่าอะไร (ฮา)
และเมื่อพอล่ามแปลคำถามให้แล้ว สมาชิกทุกคนถึงกับฮา แล้ว V ก็ยืนยันให้ในทันทีว่า อะไรแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นแน่นอน เอาล่ะ สบายใจกันนะจ๊ะ ทุกคน
6. แทยง และมาร์ค NCT พยายามอธิบายที่มาของเพลง Wiplash
วัฒนธรรมเกาหลี ก็เป็นเหมือนวัฒนธรรมของชาวเอเชียทั่วไป ที่ค่อนข้างจะอนุรักษ์นิยม และไม่ค่อยเปิดในเรื่องเชิงทางเพศสักเท่าไหร่นัก ซึ่งทำให้เพลงในเชิงทางเพศนั้นมักจะถูกปรับเปลี่ยนให้เข้ากับวัฒนธรรมตะวันออกอยู่บ่อยครั้ง
และแน่นอนว่าด้วยเหตุนี้ จึงทำให้เราจะไม่พูดถึงเรื่องนี้ไม่ได้ เพราะการสัมภาษณ์ครั้งนี้เป็นสถานการณ์ที่กระอักกระอ่วนสุด ๆ ไปเลย เมื่อมาร์คและแทยง ถูกถามถึงแรงบันดาลใจเบื้องหลังในการทำเพลง “Whiplash” ของทั้งสองคน ซึ่งถ้าใครดูเนื้อเพลงก็จะรู้ว่า ก็เป็นเนื้อเพลงสองแง่สามง่าม ที่เนื้อเพลงก็บอกอยู่แล้วว่าเกี่ยวกับการหวดแส้ ใครฟังก็นึกได้ว่าต้องพูดถึงอะไรที่ซาดิสม์ ๆ แน่นอน
และพอได้ยินคำถามนี้ ทั้งสองก็ถึงกับนิ่งไปเลยทีเดียว เพราะพวกเขารู้ดีว่า ถ้าพูดถึงเพลงนี้ จะหลีกเลี่ยงไม่พูดเรื่องสองแง่สามง่ามก็คงจะเป็นไปได้ยาก…. แต่พวกเขาก็ดันทำได้! และนั่นทำให้เหตุการณ์นี้ไวรัลและเป็นที่จดจำในบรรดาแฟน ๆ ตลอดกาล
เพื่อที่จะตอบคำถามนี้ได้โดยไม่ไปแตะเรื่องเพศ ทั้งมาร์คและแทยงก็ต้องตอบอย่างระมัดระวังที่สุด ทำให้แทยงเกิดสภาวะไหลไปเรื่อยด้วยไหวพริบ ส่วนมาร์คเองก็เอาแต่พึมพำคำว่า “แชจิกกิลโล” ซึ่งแปลว่า “Whiplash” ในภาษาเกาหลี จนในที่สุดทั้งสองคนก็หาอะไรสักอย่างที่เหมาะสมมาตอบจนได้
ซึ่งมาร์คให้เหตุผลว่า เพลงนี้มีแรงบันดาลใจมาจากเส้นทางของเขาในการเข้ามาอยู่ใน SM และการเฆี่ยน ก็เป็นนัยยะที่หมายถึงการผลักดันให้เขาก้าวไปข้างหน้า และดูเหมือนว่าคำตอบของมาร์คดูจะเข้าท่า จึงทำให้แทยงนึกอะไรขึ้นมาได้ และหาอะไรมาตอบในแบบคล้าย ๆ กันไปเลย โดยแทยงอ้างว่า เพลงนี้มีแรงบันดาลใจมาจากพี่สาวของเธอ ที่ทั้งแข็งแกร่งและเด็ดขาด และเขาเองตอนเด็กก็เป็นคนขี้อายและอ่อนแอ ทำให้พี่สาวต้องคอยดุ และตี เพื่อให้เขาเติบโตเป็นผู้ชายที่แข็งแกร่งมากขึ้น (ว่าไปนั่น!)
ไม่ว่าเหตุผลนี้จะจริงหรือไม่จริง แต่การสัมภาษณ์ครั้งนี้ถ้าเห็นในคลิปจะรู้ว่าเต็มไปด้วยบรรยากาศที่เก้ ๆ กัง ๆ ไปไม่ถูก ทั้งมาร์ค แทยง และสมาชิกคนอื่น ๆ แถมแฟน ๆ ยังยกให้ว่าคลิปนี้คือคลิปของคนขี้โกหกที่สุดในศตวรรษอีกต่างหาก ใครคิดว่าทั้ง 2 คน พูดเรื่องจริงมั้ย ก็ลองไปหาเนื้อเพลงดูเอาได้นะ XD
และนี่คือ 6 โมเมนต์การให้สัมภาษณ์ ที่ทำเอาเหล่าไอดอลลำบากใจกันขั้นสุด ใครมีโมเมนต์เด็ด ๆ ฮา ๆ น่าเอ็นดูอีก ก็เอามาแชร์กันได้นะ!